หลายๆคนประสบปัญหาติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท๊อปแล้ว ผลิตไฟฟ้าไม่ได้ตามที่้องการ ทำให้ไม่คืนทุนในระยะเวลาที่คาดหวัง ซึ่งหลายๆครั้งเกิดจากอุปกรณ์ไม่ได้คุณภาพ หรือ การติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน อีกหนึ่งสาเหตุมาจาก การออกแบบการวางแผงโซลาร์ ซึ่งการวางแผงโซลาร์เซลล์ไปในทิศทางที่รับแดดได้ดี ในมุมองศาที่ถูกต้อง จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าของระบบโซลาร์เซลล์นั้นดีขึ้นได้ถึง 3-5%
จากงานวิจัยของ SERT โดยปกติแล้วถ้าการติดตั้งโซล่าเซลล์ไม่มีการวางมุมเอียง โซล่าเซลล์ขนาดมาตราฐานจะผลิตไฟได้ประมาณ 1320 kWh/kW.year (หมายความว่า ถ้าเราติดตั้งโซล่าเซลล์ขนาด 1kW จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 1320 หน่วย ) ซึ่งจากผลการทดสอบ เมื่อลองปรับมุมองศาของแผง และ หันหน้าแผงโซลาร์ไปในทิศต่างๆกันพบว่า ถ้าหันแผงไปในทิศทางตะวันตก ตะวันออก และ เหนือ จะทำให้ประสิทธิ์ภาพของการผลิตไฟฟ้านั้นต่ำลง ในทางกลับกันเมื่อหันหน้าไปทางทิศใต้ ประสิทธิ์ภาพการผลิตไฟฟ้าจะสูงขึ้น และสูงที่สุดที่ 15 องศา ดังนั้นการหันหน้าไปทางทิศใต้ โดยการวางแผงเอียง 15 องศา จะทำให้แผงโซลาร์เซลล์ได้รับแสงอาทิตย์ และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากที่สุด
สำหรับประเทศไทย ทิศใต้ 15องศา เป็นทิศที่แผงสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
Ref: http://www.sert.nu.ac.th
ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าประเทศไทยตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ทำให้ดวงอาทิตย์อ้อมใต้ ทำให้แผงที่หันหน้าไปทางทิศใต้ได้รับแสงแดดมากที่สุด
กรณีของโซล่ารูฟ (solar rooftop) การติดตั้งโซล่าเซลล์ควรติดตั้งที่หลังคาที่หันไปทางทิศใต้ เพราะจะทำให้แผงโซลาเซลล์สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มที่ แต่ถ้า ติดตั้งโซล่าเซลล์ บริเวณหลังคาหันทิศตะวันออก-ตะวันตก ที่มุมเอียงของหลังคาทั่วๆไป 20-45 องศา ปริมาณแสงอาทิตย์ที่ได้จะน้อยกว่าหลังคาที่หันทางทิศใต้อยู่ประมาณ 2-16% ขึ้นอยู่กับมุมเอียงของหลังคา ส่วนหลังคาที่หันทางทิศเหนือแนะนำให้หลีกเลี่ยง